รายการโปรด
หลายๆครั้งที่เรามักเห็นคอนโดแพงๆใจกลางเมือง ใช้คำโฆษณาว่า Luxury หรือ หรูหรา คำถามคือ เราวัดความ Luxury นี้จากอะไร ราคา โลเคชั่น รูปแบบโครงการ เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่ง ?
หลายครั้งที่เราได้ไปรีวิวคอนโด Luxury เรากลับพบว่า คอนโดที่ราคาสุดแพงหรือสุดยอดโลเคชั่นหลายๆแห่งก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นเจ้าของ ดังนั้นหากให้เรานิยามความ Luxury จริงๆแล้ว อาจไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เห็นแต่ต้องทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของและอยู่อาศัยในที่แห่งนั้น ซึ่งนานๆทีเราจะเจอที่แบบนั้น และนี่ก็คือหนึ่งในโครงการที่เราคิดว่าใช่
The Reserve สุขุมวิท 61 - ความหรูหราที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่สิ่งที่เห็นแต่ต้องทำให้รู้สึก
เงียบสงบตั้งแต่การเลือกทำเล เพราะโครงการตั้งอยู่บน ทำเลสุขุมวิท61 ห่างจากหน้าปากซอย ประมาณ 850 เมตร โดยเป็นซอยที่ได้รับรางวัลชุมชนน่าอยู่ จากกรุงเทพฯ มีความเงียบสงบ บรรยากาศร่มรื่นและดูสะอาด อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นบ้านเดี่ยวไม่มีตึกสูงบวกกับเป็นซอยตัน ทำให้ทั้งผู้คนและรถไม่ค่อยพลุกพล่าน จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างมาก
ขณะเดียวกันเรื่องการเดินทางก็ไม่ต้องพูดถึง พอออกจากปากซอยสุขุมวิท 61 วิ่งสู่ถนนใหญ่ สามารถตัดสินใจเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาได้ทันที โดยที่ไม่ต้องไปกลับรถให้ยุ่งยาก ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ซอยบนถนนสุขุมวิทที่ทำแบบนี้ได้ ส่งผลให้ไม่ว่าจะไปทองหล่อหรือเอกมัย แค่ใช้เวลาเพียง 3 นาทีก็ถึงจุดหมาย นอกจากนี้ยังมีทางเข้าออกอีกหนึ่งทางคือเอกมัยซอย1 อีกด้วย
หรือถ้าจะไม่ใช้รถยนต์ก็เดินทางได้ง่ายมากเช่นเดียวกัน ด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว โดย 2 นาที ถึงสถานีเอกมัย และ 5 นาที ถึงสถานีทองหล่อ ซึ่งทางโครงการมี Shuttle Service ไว้คอยบริการรับส่งลูกบ้านอย่างดี
และเพราะสุขุมวิทก็คือสุขุมวิท ความเจริญรวมถึงความสะดวกสบายอื่นๆ เลยมีรองรับรอบทิศทาง ทั้งห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ ได้แก่ Gateway, Major Cineplex, Park Lane, Don Don Donki, J Avenue, The Emquartier และ Emporium รวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่และร้านนั่งชิลยามค่ำคืน ที่มีอยู่ในซอยและบริเวณโดยรอบโครงการ
อีกทั้งยังเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องโรงเรียนนานาชาติ ที่มีให้เลือกพอสมควร เช่น ร.ร.นานาชาติเอกมัย ร.ร.นานาชาติ Trinity ร.ร.นานาชาติ Prep รร.นานาชาติเวลล์สทองหล่อ เป็นต้น และโรงพยาบาลคุณภาพชื่อดังอย่าง รพ.สมิติเวช สุขุมวิท รพ.คามิลเลียน และรพ.สุขุมวิท เท่านั้น ยังไม่รวมถึง สำนักงานออฟฟิศ ที่กระจายตัวอยู่โดยรอบ
เมื่อคุณพาตัวเข้าไปอยู่ในโครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 เหมือนทุกอย่างหยุดช้าลง ความวุ่นวายจากภายนอกถูกตัดขาดโดยไม่ทันรู้ตัว และเปิดโหมดสู่การพักอาศัยระดับ Luxury อย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยความเป็น คอนโดมิเนียมระดับ Luxury ที่แน่นอนว่าจะต้องมีความ Exclusive และแตกต่าง ซึ่งไม่ต้องสังเกตก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในทุกรายละเอียดมีความพิถีพิถัน และคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อลูกบ้านโดยเฉพาะ
โครงการเป็นคอนโดพร้อมอยู่ Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร บนที่ดิน 3-0-34.6 ไร่ รวม 182 ยูนิต นั่นแสดงให้เห็นว่าจะมียูนิตสูงสุดไม่เกิน 13-14 ยูนิตต่อชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านแต่ละคน
และที่สำคัญคือ สามารถจอดรถได้ถึง 100% และมีในส่วนของ Auto-Parking หมดกังวลเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอไปได้เลย
โดยตัวอาคารออกแบบ ในสไตล์ Modern Classic ที่ดีไซน์ออกแบบให้มีความทันสมัย ดูเรียบง่ายแต่ก็ให้ความรู้สึกหรูหราสวยงาม บ่งบอกถึงการมีรสนิยมได้เป็นอย่างดี ผสมผสานกลมกลืนไปกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และต้นไม้นานาพันธุ์ ที่ห้อมล้อมอยู่รอบโครงการ เพิ่มความเป็นธรรมชาติและร่มรื่นมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ส่วนกลาง Outdoor จัดไว้ให้ตรงกึ่งกลางระหว่าง 2 อาคาร ช่วยให้ลูกบ้านได้ใช้อย่างทั่วถึง แบ่งออกเป็น สวนสีเขียวขนาดกว้างขวาง ที่มีต้นไม้เล็กใหญ่อยู่รายรอบ พร้อมจัดพื้นที่ไว้สำหรับนั่งเล่น หรือเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทำงานข้างนอกอยู่ตามจุดต่างๆ และ Sunken Seat ซึ่งตอนเย็นจะอากาศดีมากลมพัดเย็นสบาย
เชื่อมต่อด้วย สระว่ายน้ำ ขนาดใหญ่ สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริง โดยจะอยู่ใกล้กับฝั่งอาคาร B
ส่วน Facilities ด้านในตัวอาคาร ได้แก่ Fitness ที่ทำฝั่งหนึ่งเป็นกระจกใสเพื่อให้เห็นบรรยากาศสวนข้างนอกได้ชัดเจน มีเครื่องออกกำลังกายเตรียมไว้หลายเครื่องหลายแบบให้พร้อมสรรพ และยังมีห้องโยคะแยกต่างหาก
รวมถึงมี Private Onsen และSteam/Suana ขนาดใหญ่ แบ่งแยกชายหญิง เพื่อความผ่อนคลายหลังกลับจากทำงานเหนื่อยๆ
สำหรับ Lobby จะมีให้ทั้ง 2 อาคาร ได้เพดานแบบ Double Volume เพิ่มความสูง ทำให้บริเวณนี้มีความโปร่งโล่งสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด ไว้ให้ลูกบ้านนั่งเล่นหรือรับรองแขกที่มาเยี่ยม
มาต่อกันที่ห้องพักอาศัยกันบ้าง ทางโครงการ ขายแบบ Fully Furnished โดยใช้แบรนด์ดังอย่าง CHANINTR หรือชนินทร์ เป็นผู้ออกแบบ ซึ่งมีห้องให้เลือกตั้งแต่ชั้น 1 แถมฝั่งอาคาร B มีบางห้องที่ออกแบบให้เป็น Pool Access อีกด้วย โดยมีห้องให้เลือกถึง 5 แบบ ได้แก่
Studio ขนาด 30.75 – 30.87 ตารางเมตร |
1 Bedroom ขนาด 30.91- 48.54 ตารางเมตร |
2 Bedroom ขนาด 61.62- 138.80 ตารางเมตร |
3 Bedroom ขนาด 157.60 ตารางเมตร |
Duplex ขนาด 113.32-132.11 ตารางเมตร |
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมวันนี้มีทั้งหมด 3 ห้อง แต่ขอเริ่มกันที่ห้อง Studio ขนาด 30.75 ตารางเมตร ซึ่งประตูทุกห้องจะได้ Digital Door Lock อย่างดี และ ระบบ VDO Door Phone ของ Bticino รวมถึง ระบบ Welcome Light ไฟจะเปิดอัตโนมัติตรงทางเข้าประตู เท่านั้นไม่พอยังมี Home Automation ควบคุมระบบแสงสว่างและเครื่องปรับอากาศจากมือถือ
พอเข้ามาในห้องจะมีตู้เก็บรองเท้า และเก็บของที่บิวท์อินมาให้สุดเพดานอยู่ทางขวามือ ต่อด้วยส่วนของ ห้องครัว ด้านบนบิวท์เป็นตู้เก็บของ พร้อมเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย ตัวท็อปเป็นหิน Quartz ที่มีความแข็งแรงทนทาน ด้านหลังเคาน์เตอร์กรุแผ่น Splash Board เพื่อให้เช็ดคราบสกปรกออกได้ง่าย
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องครัว จะได้ชุด Hob & Hood เตาไฟฟ้า รวมถึง Combi Oven เตาอบแบบพิเศษที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งหมดนี้จะเป็นระบบสัมผัสทั้งหมด โดยเป็นของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง gorenje ดีไซน์โดย Philippe Starck แม้แต่ อ่างล้างจานก็เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของ Blanco วัสดุทำจากหินแกรนิต และยังติดตั้ง Food waste Disposer ใต้อ่างล้างจานไว้สำหรับปั่นเศษอาหาร อีกทั้งก๊อกล้างจานยังเป็นระบบสัมผัส เพื่อความสะดวกสบาย ส่วนพื้นห้องครัวปูเป็นพื้น Porcelain
ถัดไปเป็นส่วนของ ห้องนอนและห้องนั่งเล่น โดยพื้นถึงเพดานสูงถึง 2.7 เมตร ได้ความสูงพอๆ กันกับบ้านเลย ส่วนพื้นเป็น Engineering Wood ลายก้างปลาเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ห้อง โดยส่วนห้องครัวจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ ซึ่งจะใช้ประตูร่วมกันกับห้องน้ำ
ภายในห้องนี้ขวามือเป็นส่วนของชั้นวางทีวี ฝั่งตรงข้ามสามารถวางโซฟาได้ขนาด 2 ที่นั่ง และวางเตียงขนาด 5 ฟุต ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือให้เดินผ่านเข้าด้านในสุดได้สะดวก
โดยมีสเปซกว้างประมาณหนึ่ง ให้ผู้ซื้อออกไอเดียได้เต็มที่ว่าอยากจัดเป็นอะไร จะวางโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน หรือวาง Day Bed ไว้ชมวิวด้านนอกก็ยังได้ เพราะทางโครงการทำเป็นหน้าต่าง และช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนังไว้ให้เสร็จสรรพ
ติดกันเป็นระเบียงได้ประตูกระจกใส ยิ่งทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง
แต่ที่ชอบคือ Walk-in Closet ทำการบิวท์อินตู้เสื้อผ้าสองฝั่ง เหมาะกับสายแฟชั่นที่ชอบแต่งตัว ทำให้เก็บเสื้อผ้าได้เยอะ
ติดกันเป็น ห้องน้ำ ที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยกระจกกั้น ที่แน่นอนว่าของที่ได้ยังคงเป็นแบรนด์ดังระดับโลก คือ Villeroy & Boch Washlet (นำเข้าจากเยอรมัน) ไม่ว่าจะเป็น โถสุขภัณฑ์ Hand shower และ Rain Shower โดยสามารถปรับและผสมอุณหภูมิน้ำร้อนเย็นได้ตามใจชอบ ซึ่งผนังฝั่งอาบน้ำปูด้วยหิน black forest เพิ่มความหรูหรา และมีการติดตั้ง Emergency phone ให้ด้วย
อีกห้องเป็น 1 Bedroom ขนาด 48.66 ตารางเมตร พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่รวมห้องครัวกับห้องนั่งเล่นไว้ด้วยกัน โดยทางขวามือยังคงเป็นตู้เก็บของและเก็บรองเท้าเหมือนเดิม ได้หน้าบานเปิดปิดไฮกลอสสีครีม
ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของ ห้องครัว ที่ได้แบบครัวเปิดแนวยาวตลอดผนัง ซึ่งรูปแบบรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้เหมือนกับห้อง Studio แต่มีพื้นที่เตรียมอาหาร และตู้เก็บของด้านบนที่ได้เพิ่มมากขึ้น
เชื่อมต่อด้วยพื้นที่นั่งเล่น ที่สามารถวางโซฟาได้ขนาด 3 ที่นั่ง โดยจะเลือกโซฟาแบบตัว I หรือแบบตัว L ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูแคบลงแต่อย่างใด
ฝั่งตรงข้ามไว้สำหรับวางทีวี และด้วยพื้นที่กว้างขวางแนะนำให้บิวท์อินจัดเต็ม ทั้งด้านล่างและด้านบนจะได้เก็บของได้เยอะกว่าเดิม และห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
ติดกันเป็นโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ พอวางแล้วก็ยังมีพื้นที่ให้เดินได้แบบสบายๆ ซึ่งเราจะได้โต๊ะตามแบบห้องตัวอย่างโดยเป็นของ CHANINTR
และยังมีพื้นที่เข้ามุมตรงหน้าต่าง ที่เหมาะแก่การวางโต๊ะทำงาน หรือจะย้ายโต๊ะกินข้าวมาวางมุมนี้ก็ไม่ผิด เนื่องจากพื้นที่ของห้องนี้ยืดหยุ่นได้พอสมควร ทำให้เราสามารถออกแบบตกแต่งได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับได้ระเบียงที่อยู่ในห้องนั่งเล่น แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ ทำให้พื้นที่นี้ยิ่งดูกว้างขวางมากขึ้น
ขณะที่ ห้องนอน ได้เป็นประตูทึบ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัย สามารถวางเตียง 5 ฟุต และโต๊ะข้างหัวเตียงได้แบบพอดี ฝั่งปลายเตียงไว้วางทีวี แต่ถ้าใครชอบการพักผ่อนอย่างเต็มที่ไม่อยากวางทีวี ปล่อยให้เป็นพื้นที่โล่งก็ดูดีไปอีกแบบ
ผนังฝั่งหนึ่งถูกแทนที่ด้วยช่องแสงเต็มผนัง หน้าต่างสามารถเปิดได้กว้าง ทำให้ลมพัดเข้ามาได้มากขึ้นตามไปด้วย
มุมแต่งตัวยังคงบิวท์อินตู้เสื้อผ้ามาแบบจัดเต็มถึงสองฝั่ง เหมาะแก่การอยู่ 2 คนอย่างมาก เพื่อแยกการใช้งานของแต่ละคน รับรองว่าใส่เสื้อผ้าเพียงพอแน่นอน
ห้องน้ำ สามารถเข้าออกได้สองทางคือทางฝั่งห้องนอน และทางฝั่งห้องนั่งเล่น เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางประมาณหนึ่งเลย สุขภัณฑ์จัดมาให้ครบเซตเกรดพรีเมียมเพิ่มเติมคือ อ่างอาบน้ำของ Lavenz
สุดท้ายคือห้อง Duplex ขนาด 113.37 ตารางเมตร ที่รับรองได้เลยว่าหลายกลุ่มครอบครัว พ่อ แม่ ลูก จะต้องชอบห้องนี้ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านมาก เริ่มตั้งแต่เข้ามาทางซ้ายมือจะเป็นห้องซักรีด โดยบิวท์ชั้นวางของ ช่องแขวนเสื้อผ้า พร้อมกับเว้นพื้นที่ไว้สำหรับเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้ามาให้ด้วย
ทางขวามือคือ ห้องครัว แบบเปิดขนาดใหญ่ วางเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัวI ไว้ให้สองฝั่ง โดยฝั่งหนึ่งไว้สำหรับปรุงอาหาร ส่วนอีกฝั่งไว้เตรียมอาหารและอ่างล้างจาน หรือจะไว้นั่งทานอาหารแบบชิลๆก็ได้
ติดกันคือ ห้องน้ำ ซึ่งสามารถเข้าออกได้อีกทางคือฝั่งห้องนอนชั้นล่าง ที่ทำขนาดออกมาให้ใช้งานได้แบบไม่รู้สึกอึดอัด สุขภัณฑ์ครบครัน และแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นที่ห้องครัวจะเชื่อมกับโซนรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ได้ถึง 6 ที่นั่ง มาพร้อมกับช่องแสงเต็มผนังเช่นเดิม เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและไม่รู้สึกคับแคบ และเพื่อความเป็นสัดเป็นส่วน แต่ก็ยังทำกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่บริเวณเดียวกันได้ ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นจึงถูกกั้นด้วยผนังครึ่งหนึ่งแทน
โดย ห้องนั่งเล่นถือเป็นไฮไลท์สำคัญ ด้วยความสูงแบบ Double Volume ถึง 5.9 เมตร ประกอบกับได้ช่องแสงจากทางฝั่งระเบียงสูงจรดเพดาน ยิ่งทำให้ตรงนี้โปร่งโล่งสบาย เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอย่างมาก
เลือกวางโซฟาแบบที่โครงการจัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างก็ได้ หรือจะเป็นโซฟารูปตัว L ก็ได้เหมือนกัน และด้วยระยะห่างระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีค่อนข้างมาก ทำให้สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ 50” ก็ดูได้แบบไม่ปวดตา
ความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากนี่คือห้องที่ออกแบบให้เป็น Pool Access ทำให้ระเบียงเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ ให้ใช้ส่วนกลางได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ
ขณะที่ ห้องนอนเล็ก ชั้นล่างจะอยู่ติดกับโซนกินข้าว แต่ขนาดไม่เล็กเลย วางเตียง 5 ฟุต บวกกับโต๊ะหัวเตียง ฝั่งปลายเตียงก็ยังวางทีวีได้อีก
พร้อมบิวท์อินตู้เสื้อมาให้ถึง 2 ตู้ ก็ยังมีสเปซเว้นว่างให้ได้หายใจพอสมควร ยิ่งได้หน้าต่างและกระจกบานใหญ่เข้ามาเสริม ทำให้ห้องดูกว้างขวางกว่าเดิมอีกต่างหาก
ขึ้นไปที่ชั้นบนกันบ้างดีกว่า ฝั่งหนึ่งคือประตูที่เชื่อมต่อไปยังทางออกบริเวณทางเดินข้างนอก ขณะที่อีกฝั่งเป็นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีมุมให้นั่งเล่นพักผ่อนดูทีวีพร้อมวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง
ส่วนที่นอนสามารถวาง 6 ฟุตได้สบาย และยังคงคอนเซ็ปต์ช่องแสงจัดเต็ม เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วทุกพื้นที่
โดดเด่นด้วย Walk-in Closet ที่บิวท์อินมาให้เต็มผนังสุดเพดานใส่ได้ทั้งเสื้อผ้า และ Accessory ต่างๆ พร้อมมุมวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้เรียบร้อย
ห้องน้ำ คือดูดีสุดใหญ่สุดได้อ่างล้างหน้า 2 อ่าง และอ่างอาบน้ำ โดยทำการกั้นห้องระหว่างห้องอาบน้ำกับห้องสุขา เพื่อแยกการใช้งานอย่างชัดเจน
"The Reserve สุขุมวิท 61" คือโครงการที่เราบอกได้เลยว่า นี่คือโครงการที่ Luxury จริงๆและคุณจะรู้สึกและสัมผัสได้ทันทีที่ก้าวเข้าสู่คอนโด นี่เป็นโครงการที่น่าอยู่ที่สุดโครงการนึงของสุขุมวิท และหากจะลงทุนนี่ก็คือทรัพย์สินที่น่าสนใจมากๆเพราะหาโครงการแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ในปัจจุบันคนเช่าจะหาห้องใหญ่ๆ และเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีแค่ไม่กี่โครงการที่ได้แบบนี้ในสุขุมวิทตอนกลาง
นอกจากนี้ยังมี การบริการ Concierge Service by The Reserve ที่จะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายในทุกๆ ด้าน อย่างการจัดหาปล่อยเช่าห้องโดยที่คุณไม่ต้องลงแรงให้เหนื่อย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างพร้อมจ่ายเพื่อแลกกับคุณภาพชีวิตที่ดีที่จะได้กลับคืนมาแน่นอน
โดยจะมีงาน OPEN HOUSE ที่จัดราคาพิเศษมาให้โดยเฉพาะ 1 ห้องนอน เริ่ม 8.9 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นมากมายทั้ง อยู่ฟรี 2 ปี ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนฯ และฟรี Fully Furnished by CHANINTR* โปรโมชั่นเริ่ม 1 ก.พ. -31 มี.ค. 2564 คลิกลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท* >>> https://bit.ly/3ojrfol
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-11
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้มากๆ เลย
บทความดี น่าติดตามครับ
รีวิวอ่านง่าย รูปภาพสวยครับ